รีวิวเล็กๆ Western Digital Caviar BLUE WD10EZEX ขนาดความจุ 1TB


รีวิวเล็กๆ WD10EZEX ขนาดความจุ 1TB



-รายละเอียด คร่าวๆ ตัวนี้มีความจุ 1,000 กิ๊กกะไบต์, interface เป็น sata 3 (sata2 ก็ใช้ได้นะ), ใช้ cache ที่ใหญ่ 64 MB, จานหมุน 7200 รอบ/นาที, ประกัน 2 ปี(น้อยจัง), กินไฟน้อยดีขณะทำงานก็ใช้เเค่ 6.8 วัตต์


-เริ่มทดสอบเลยด้วย HD Tune ผลออกมา เร็วดีใช้ได้ ได้สูงสุด 181 MB/Sec เฉลี่ยที่ 143.3 MB/Sec


-ลองมาเปรียบกับ WD BLUE 640 GB cache 32 MB (WD6400AAKS รุ่นเก่าหน่อย)ได้ความเร็วน้อยกว่าเยอะ


-ทดสอบด้วย CrystalDiskMark ผลออกมา เร็วดีเหมือนกัน อ่านได้สูงสุด 198.5 MB/Sec เขียนได้ 180.7 MB/Sec เมพขิงๆ


 - เทียบกับ WD 6400AAKS ห่างกันเท่าตัวเลยทีเดียวเชียว


-ทดสอบด้วย ATTO Disk Becnchmark สำหรับ WD 10EZEX 


-ทดสอบด้วย ATTO Disk Becnchmark สำหรับ WD 6400AAKS

สรุปเเล้วเเจ๋วเลย คุ้มค่าในราคา 2 พันต้นๆ (มีค 56)ได้ทั้งความเร็วทั้งความจุ

สร้างหรือแบ่ง partition ให้ Harddisk หรือ External Harddisk ตัวใหม่ ด้วย Disk Management ของ Windows

            เราสามารถสร้างหรือแบ่ง partition ให้ Harddisk หรือ External Harddisk ตัวใหม่ ด้วยการใช้ Disk Management ซึ่งมีอยู่เเล้วใน Windows  ไม่ต้องลงโปรเเกรมอะไรเพิ่ม


-ขั้นตอนเเรกคลิ๊กขวาที่ computer เลือก Manage 


-ก็จะขึ้นหน้าต่าง Computer Management ---> เลือก Disk Management เเล้วรอโหลดซักครู่



 -คลิ๊กขวาที่ Hdd ตัวใหม่(ซึ่งจะเป็นเเทปสีดำ unallocated ยังไม่ได้สร้างพื้นที่ใช้งาน)---->เลือก New Simple Volume.....



- Next โล้ด..


-ใส่ขนาดของ Partition ตามต้องการ หน่วยเป็น megabyte (ดูจำนวนหลักเลขดีๆนะ)


 -เลือกกำหนด partition นี้จะเป็น Drive อะไร ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรมัน next โล้ด..



-จากนั้นเป็นส่วนการ format partition
-File System จะมีให้เลือกเป็น FAT , FAT32 เเละ NTFS   เราก็เลือก NTFS เลย (FAT มีข้อจำกัดการใช้งาน)
-Volume Label คือชื่่อ partition จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ได้
-เสร็จเเล้วกด next..



- เสร็จเเล้ว กด Finish เลย เราก็จะได้ partition ใหม่เเล้ว เเละถ้าต้องการสร้าง partition เพิ่มอีกก็ทำเหมือนเดิมเลย(รู้สึกเเบ่งได้สูงสุด 4 partitions ต่อ HDD 1 ลูกมั๊งนะ....)



- แต่ๆๆ มันจะมีเรื่อง system reserve ของ hdd ที่ลง windows มันก็จะนับเป็น 1 partition ทำให้ hdd ลูกนั้น นำมาเเบ่งเเละให้ใช้ partition ได้เหลือ เเค่ 3 partition




.................................................................................................................................




- ส่วนนี้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการเพิ่มขนาด หรือลดขนาด partition




-คลิ๊กขวาที่ partition ที่ต้องการเพิ่มหรือลดขนาด
-ถ้าต้องการเพิ่มขนาดก็เลือก extend volume
-ถ้าต้องการลดขนาดก็เลือก shrink volume





- เพิ่มขนาด partition
- เราเพิ่มขนาดได้จากขนาดของ Unallocated ที่เหลืออยู่--->คลิ๊ก Next--->คลิ๊ก finish เสร็จเรียบร้อย



- ลดขนาด partition
- เราก็ใส่ขนาดไปในช่องเลยจะลดเหลือเท่าไหร่

แชร์ไวเลสให้เครื่องอื่นด้วย Ad Hoc Network


                 วิธีแชร์ไวเลส(Wireless)ให้เครื่องอื่นด้วย Ad Hoc Network ใน Windows 7 สามารถทำได้เลยไม่ต้องลงโปรเเกรมอะไรเพิ่ม


-เข้าไปที่ Control Panel-->Network and Sharing Center--->เลือก Manage wireless networks


-เมื่อเข้ามาในหน้า Manage Wireless Networks เเล้ว --> เลือก Add


 -เลือก Create an ad hoc network


 -ส่วนนี้ไม่มีอะไรอธิบายคำว่า ad hoc เฉยๆ อ่านเล่นๆก็ได้ อ่านเสร็จคลิ๊ก Next



- Network Name = ตั้งชื่อที่จะเเสดง
- Security type = จะตั้งรหัสการ connect กับ network นี้หรือไม่ ซึ่งมีให้เลือกดังนี้
     1. No Authentication (Open) จะไม่ใช้รหัสผ่านในการ connect กับ network นี้
     2. WEP เป็นการเข้ารหัสเเบบพื้นฐาน จะมีความปลอดภัยน้อย
     3. WPA2-Personal เป็นการเข้ารหัสเเบบใหม่ มีความปลอดภัยสูง
           ในที่นี้เลือกใช้รหัสผ่านในการ connect กับ network นี้ เป็น WPA2 โดยเราต้องใส่ Security key เป็น   ตัวเลขหรือตัวอักษรรวมกันอย่างน้อย 8 ตัว
-Hide character ถ้าติ๊กเลือก ตัวเลขหรือตัวอักษรในช่อง security key ก็จะเห็นเป็นจุดๆๆๆๆๆๆ
-Save this network ถ้าต้องการ save network นี้เก็บไว้ก็เลือกติ๊กไว้



- สร้าง network เสร็จเเล้ว.....ซึ่งถ้าเราต้องการเเชร์ Internet ใน network นี้ด้วย ก็เลือก Turn on Internet connection sharing เเต่ถ้าต้องการเเค่เเชร์ ไฟล์เฉยๆ ก็กด close ไปเลย จบ.


- เเชร์ internet เสร็จเเล้วเรียบร้อย


 - มาดูที่ wireless ก็จะขึ้น network ที่เราเเชร์ไว้ ตอนนี้ยังไม่มีใครมา connect กับ network เรา ก็จะขึ้นเป็น Waiting for users


- เมื่อมีเครื่องอื่นมา connect network เราเเล้วก็ขึ้น connected เรียบร้อย


- เครื่องอื่นที่เห็น network ของเราก็จะเห็นเป็นหน้าตาเยี่ยงนี้เเล

....................................................................................................................

เพิ่มเติม :: มือถือหรือ tablet บางอันอาจเชื่อมต่อด้วยวิธีนี้ไม่ได้ อาจมองไม่เห็น network เลย
สามารถลองใช้วิธีอื่นโดยใช้โปรเเกรม Connectify ซึ่งต้องลงโปรเเกรมเพิ่ม ดาวน์โหลดที่ http://www.connectify.me/  

ถ่ายวิดีโอด้วยกล้องถ่ายรูปได้แป๊บเดียว ก็หยุดบันทึกอาจเพราะ......

           เดี๋ยวนี้กล้องส่วนใหญ่สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้เกือบหมดเเล้ว ซ้ำยังถ่ายเป็นเเบบ Full HD ได้ด้วย    ซึ่งบางคนอาจเจอปัญหาถ่ายวิดีโอด้วยกล้องถ่ายรูปได้แป๊บเดียว ก็หยุดบันทึก อาจเป็นเพราะ......ใช้ SD Card ที่มีความเร็วในการบันทึกไม่พอ

             ซึ่งเราสามารถดูความเร็วในการบันทึกของ Card จาก Class Speed จะเห็นได้จากภาพด้านบนว่าถ้าจะบันทึกภาพเคลื่อนไหว เเบบ Full HD ต้องใช้ Card ตั้งเเต่ class 6 ขึ้นไป ซึ่งยิ่งถ้าใช้ Frame/sec ในการบันทึกที่มากขึ้น ก็ควรใช้ class 10 ไปเลย




หมายเหตุ: ทั้งนี้การเลือกใช้ชนิด SD Card ก็ขึ้นอยู่กับการรองรับของกล้องเราด้วย

ที่มา: http://oneslidephotography.com/s-card-capacity-for-dslr/

ตรวจสอบสัญญาณ ADSL กับค่า SNR Margin และ Line Attenuation

เน็ตหลุดบ่อยลองตรวจสอบสัญญาณ ADSL กับค่า SNR Margin และ Line Attenuation



-เข้าไปดูค่าที่ router ของเราโดยพิมพ์ 192.168.1.1(อาจเเตกต่างกันไปโปรดดูคู่มือ) ตรง url ของเบราเซอร์ (IE,Firefox,Chrome,....)เข้าไปดูในส่วน status


ค่าพวกนี้เอาไว้ตรวจสอบสัญญาณ ADSL
- Attenuation (dB) คือ ค่าสัญญาณรบกวนภายในสาย ไม่ควรจะเกิน 50dB ทั้ง local และ remote (ยิ่งน้อยยิ่งดี)
- SNR Margin (dB) Signal-to-Noise Ratio คือ ค่าความเข้มของสัญญาณ ไม่ควรจะต่ำกว่า 10dB ทั้ง local และ remote (ยิ่งมากยิ่งดี)

ค่า SNR Margin นี้จะลดลงเมื่อความเร็วของอินเตอร์เน็ทที่เพิ่มขึ้น เช่น เมื่อใช้เน็ท 7 Mb/s ค่า SNR ได้ 30 dB เเต่เมื่อได้อัปค่าเป็น 10 Mb/s ค่า SNR จะลดลงเหลือเเค่ 20 dB เป็นต้น ดังนั้น ความเร็วอินเตอร์เน็ทสูงสุดที่เราสามารถอัปได้ ก็ขึ้นอยู่กับค่านี้ด้วย เเต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ISP(true,TOT,3bb) อาจสามารถเพิ่มความเเรงของสัญญาณส่งมาให้เเรงสุดได้เเค่ไหน


SNR Margin
5db หรือ ต่ำกว่า = เเย่มากสัญญาณอาจต่อไม่ได้เลย
8db-13db = พอใช้เเต่ก็ไม่ค่อยดีสัญญาณอาจหลุดบ้างเรื่อยๆ
14db-22db = ดีใช้ได้
23db-28db = ดีมาก
29db-35db = ดีมากมายก่ายกอง

Line Attenuation
ต่ำกว่า 20 = มีสัญญาณรบกวนภายในสายต่ำมาก
20-30 = มีสัญญาณรบกวนภายในสายต่ำ
30-40 = มีสัญญาณรบกวนภายในสายพอสมควร
40-60 = มีสัญญาณรบกวนภายในสายค่อนข้างสูง
60-65 = มีสัญญาณรบกวนภายในสายสูง
65 หรือสูงกว่า มีสัญญาณรบกวนภายในสายสูงมาก



ในกรณีที่มีค่า SNR Margin ต่ำ หรือมี Line Attenuation สูง ให้พิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1. เดินสายโทรศัพท์ตามทางสายไฟบ้านหรือไม่ สายไฟแรงสูงที่อยู่ใกล้ๆ จะส่งผลให้เกิดสัญญาณรบกวน ( Noise) มากขึ้น
2. สายโทรศัพท์มาตรฐานหรือไม่ สายโทรศัพท์ที่ไม่ได้มาตรฐาน (เส้นลวดอาจมีขนาดเล็ก) จะทำให้การค่าความต้านทานสูงขึ้นและ Line Attenuation จะมีมากขึ้น
3. อุปกรณ์ต่อพ่วงของโทรศัพท์ เช่น POTS Splitter Micro filter โทรศัพท์ต่อพ่วง มีผลกระทบต่อทั้ง 2 ปัจจัย ยิ่งมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก ก็จะเกิดสัญญาณรบกวนและ Line Attenuation จะมีค่ามากขึ้น
4. เช็คจุดที่มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ว่ามีการขันสายยึดแน่นเรียบร้อยหรือไม่
5. สายโทรศัพท์เป็นสายเก่า หรือ ถูกความชื้น เช่น ถ้าฝนตกเน็ทจะหลุดเลย
6. ระยะห่างจากชุมสาย ถ้าห่างมากๆสัญญาณก็จะถูกถอนน้อยลง เเล้วยิ่งถ้าสายเก่าด้วยก็ตายสนิท -_-"


ลองตรวจเบื้องต้นโดยการยกหูโทรศัพท์เเล้วฟังเสียงดู ว่ามีเสียงซ่า...เสียงเเปลกๆมั้ย ถือฟังนานๆหน่อย  ถ้ามีก็เเจ้งให้ช่างมาดูเลย เพราะที่บ้านน้าเคยเจออยู่ดีๆค่า snr ต่ำมากเหลือไม่ถึง 10 เลยทำให้ internet หลุดบ่อยมาก น้าเลยลองฟังเสียงโทรศัพท์ดูก็มีเสียงกุกๆกักๆ เลยเเจ้งช่างให้มาดู  ก็ปรากฎว่าลมพักเเรงมากกิ่งไม้เลยเกี่ยวสายโทรศัพท์เกือบขาด

- call center True โทร 1686 หรือ 02-900-9000
- call center TOT โทร 1100 หรือ 1177
- call center 3bb โทร 1530
ขอบพระคุณที่มาความรู้ดีๆจาก : http://phoenixgt.blogspot.com/2008/07/snr-margin-noise-margin-line.html

เช็ครายละเอียด การ์ดจอ ด้วย GPU-Z

เช็คสเปคการ์ดจอ ด้วย TechPowerUp GPU-Z โปรเเกรมฟรีเหมือนเดิม


-ส่วน Graphic Card เเสดงรายละเอียด เช่น
-รุ่นการ์ดจอ
-ยี่ห้อผู้ผลิต
-ขนาดหน่วยความจำ ประเภทหน่วยความจำ ซึ่งสำคัญถ้าใช้ต่อหลายจอหรือ ขนาดจอที่ใหญ่ความละเอียดมาก เเต่ถ้าใช้จอเล็กๆธรรมดาจอเดียวก็ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ ใช้ไม่ความจำไม่ค่อยเยอะ
-Bus Width ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งเเพงด้วย
-ความเร็ว GPU CLOCK ซึ่งจากภาพข้างบน GPU ถูก Overclock จาก 800MHz เป็น 820MHz
-ในส่วนด้านล่างสุดถ้าเครื่องเรามีการ์ดจอ 2 อันก็เลือกรายละเอียดดูอีกอันที่นี่


-ส่วน sensors เเสดงรายละเอียด เช่น
-เเสดงความเร็ว clock ของการ์ดจอขณะนั้นซึ่งอาจจะไม่วิ่งเต็มความเร็วสูงสุด
-อุณหภูมิของการ์ดจอ
-หน่วยความจำที่ถูกใช้

ดาวน์โหลดที่ http://www.techpowerup.com/gpuz/

ดูสัญญาณไวเลสด้วยโปรเเกรม inSSIDer


โปรแกรม inSSIDer เป็นโปรเเกรมฟรีใช้ดูรายละเอียดของสัญญาณไวเลสที่เครื่องเราสามารถจับได้


-ความเเรงของสัญญาณไวเลสที่ดีควรมากกว่า -80 dBm (เช่น -70 หรือ -60dBm ขึ้นไปยิ่งดี)
-channel ก็มีความสำคัญเช่นกัน เช่น ถ้ามี สัญญาณ wireless เเถวนั้นที่ใช้ channel เดียวกัน ก็อาจจะมีปัญหาในการเชื่อมสัญญาณ ได้ ดังนั้นถ้า wireless ของเราถ้าใช้ channel เดียวกับคนอื่นเเละรู็สึกว่ามีปัญหาในการเชื่อมต่อ wireless ก็ลองเปลี่ยน channel อื่นที่ไม่ตรงกับใครดู (ควรเลือกใช้ channel 1-11 ส่วน 12-14 อาจมีปัญหาการเชื่อมต่อกับบางเครื่อง) ขณะใช้เปิดโปรเเกรม เน็ตจะหน่วงๆหน่อยฮะ

ดาวน์โหลดที่  http://www.metageek.net/products/inssider/

Check เเบตเตอร์รี่โน๊ตบุค ด้วยโปรเเกรม BatteryCare

เช็คเเบตเตอร์รี่โน๊ตบุค ด้วยโปรเเกรม BatteryCare สามารถใช้เช็คว่าเเบตเตอร์รี่โน็ตบุคเรามีความจุไฟเท่าไหร่ , เเบตเตอร์รี่เสื่อมไปเเล้วกี่เปอร์เซ็นต์, ใช้ไฟจากเเบตเตอร์รี่ขณะนั้นกี่วัตต์ เป็นต้น


-ที่ Detailed Information เเสดง เช่น
-รุ่นเครื่องโน๊ตบุค
-ความจุประจุไฟของเเบตเตอรี่สูงสุด
-ความจุประจุไฟของเเบตเตอรี่ ณ ตอนนี้
-wear level ค่าความเสื่อมของความจุประจุไฟเเบตเตอร์รี่ (เสื่อมไป 22 เปอร์เซนต์เเล้ว -_-" )

 

BatteryCare เป็นโปรเเกรมฟรี  ดาวน์โหลดที่:  http://batterycare.net/en/download.html

การแปลงไฟล์ DVD ไปยัง MKVหรือ MP4 โดยโปรเเกรม HandBrake

Handbrake เป็นโปรเเกรมฟรี ซึ่งใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้อง setting ค่าอะไรมาก  ไว้ใช้เเปลงไฟล์ จากพวกไฟล์นามสกุล ISO, AVI, DVD Video Fileไปเป็น MKV หรือ MP4 จะใช้เเปลงไปเล่นใน iphone , ipod หรือ smartphone ก็ได้

 ดาวน์โหลดที่:  http://handbrake.fr/downloads.php


-เลือก source เป็น video file ถ้าไฟล์ต้นทาง เป็นไฟล์ ISO, AVI, MKV, MP4..........

-เลือก source เป็น Folder ถ้าไฟล์ต้นทาง เป็นพวกโฟลเดอร์  DVD Video File

-หรือจะเลือกจาก  cd drive  ก็ได้



- เมื่อเลือกไฟล์ต้นทางเสร็จก็จะเเสดงรายละเอียดของไฟล์วิดีโอ ถ้าต้องการให้ได้ไฟล์คุณภาพดีมากขึ้นก็เลือก High Profile ตรงด้านขวาของโปรเเกรม เวลาในการเเปลงไฟล์ก็จะนานขึ้นเยอะเหมือนกัน (เครื่องน้าเเปลงไฟล์ DVD-->MKV เเบบ normal ใช้เวลาประมาณ 22 นาที เเบบ High Profile ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ) ส่วนถ้าต้องการเเปลงวิดีโอไปเล่นใน iphone ,ipod, android ก็เลือกตรงนี้เลย


-ในส่วนสำคัญที่เราจะปรับได้ก็มี..เสียง..สามารถเพิ่มเสียงหรือเอาเสียงที่ไม่ต้องการออกได้ (เช่น  เสียงเยอรมัน 2.0 เราไม่ต้องการก็ Remove ออก ซึ่งก็จะทำให้ไฟล์ที่เเปลงขนาดเล็กลงด้วย)


-ในส่วนสำคัญอีกส่วนที่เราจะปรับได้ก็มี..Subtitles..สามารถเพิ่ม, เอาออกได้หรือจะ import ไฟล์ subtitles เข้ามาก็ได้   ส่วนอื่นๆก็ไม่ต้องปรับอะไรก็ได้(เพราะไม่รู้จะปรับอะไร อ่านเเล้วงง...."_")


-จากนั้นเราก็เลือกว่าจะเเปลงเป็นไฟล์นามสกุลอะไรซึ่งเลือกได้ 2 อย่างคือ MKV หรือ MP4
-เสร็จเเล้วก็เลือกว่าจะไปเก็บไฟล์ที่จะเเปลงไว้ที่ไหน ที่ browse ในส่วน Destination



- ในส่วน Destination เราสามารถกำหนดตายตัวไปเลยก็ได้ว่าจะให้ไฟล์ที่เราจะเเปลงเก็บที่ไหนตลอด โดยไปที่ Tools(ด้านบน)--->Option--->Output Files--->Default Path ก็เลือกเลยว่าจะเก็บไว้ที่ไหน เเละถ้าต้องการให้โปรเเกรมตั้งชื่อไฟล์ให้เลยก็ติ๊ก Automatically name output files โปรเเกรมก็จะตั้งชื่อให้ตามไฟล์ต้นฉบับ



-กด start...เเล้วก็รอ...รอนานๆหน่อย เวลาที่ใช้ในการเเปลงไฟล์ก็ขึ้นอยู่กับสเปกเครื่องคอมพิวเตอร์เราโดยเฉพาะ CPU (เครื่องกากๆของน้าเเปลงทีนานโคตร -_-")

เช็คอุณหภูมิคอมพิวเตอร์ด้วยโปรเเกรม Hardware Monitor

เช็คอุณหภูมิความร้อนของคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรเเกรม Hardware Monitor


- เราสามารถเช็คอุณหภูมิความร้อนของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เราได้โดยใช้โปรเเกรมฟรี Hardware Monitor  ซึ่่งเเสดงข้อมูล เช่น  ความเร็วรอบพัดลมฮิตซิงค์, อุณหภูมิ CPU, อุณหภูมิ ฮาร์ดดิส, อุณหภูมิ การ์ดจอ (อุณหภูมิสูงสุด ตอน full load ไม่ควรเกิน 85-90 องศา) เราสามารถใช้ดูว่าอุณหภูมิของอุปกรณ์เหล่าสูงไปหรือไม่ ซึ่งถ้าสูงมากๆเครื่องจะดับไปเอง, เปิดเครื่องมาซักครู่ก็ดับเอง.... เราก็ไปตรวจดูที่เครื่องว่าพัดลมอาจจะไม่หมุน, ฝุ่นเกาะเยอะเเยะหรือ ฮิตซิงค์ใส่ไม่เเน่น เป็นต้น



- การเเสดงข้อมูลใน CPUรุ่นใหม่ๆ ก็จะเเตกต่างหน่อย ก็จะมีจำนวนกินไฟ ว่า CPU กินไฟกี่วัตต์ เเสดงมาด้วย

ดาวน์โหลดได้ที่ :  http://www.cpuid.com/softwares/hwmonitor.html 

ตรวจเช็ค Harddisk ด้วยโปรแกรม HD Tune และ CrystalDiskInfo

ตรวจเช็คฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม HD Tune เราสามารถเช็คความสามารถเเละสุขภาพของฮาร์ดดิส เช่น มีความเร็วในการเขียน อ่าน ก็อปปี้ ประมาณเท่าไหร่, มี bad sector หรือไม่, ฮาร์ดดิสก์ถูกใช้งานมานานหรือยัง เป็นต้น โดยการใช้โปรเเกรมฟรี HD Tune 
ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.hdtune.com/download.html




-ในตัวเลือก Benchmark เป็นส่วนที่วัดความสามารถของฮาร์ดดิส





-ในตัวเลือก Info จะเเสดงรายละเอียดของ partitions ที่มีอยู่, feature ของฮาร์ดดิส, serial number, ขนาดความจุ, ขนาด Buffer(ยิ่งเยอะยิ่งดี),  interface





-ในตัวเลือก Health เเสดงว่าฮาร์ดดิสมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ดูที่ status ว่า OK ก็ก็พอเเล้ว, เเล้วยังมี power on time ว่าฮาร์ดดิสตัวนี้เปิดใช้งานมานานเท่าไหร่ (หน่วยเป็นชั่วโมง) ซี่งเราอาจสามารถนำมาใช้เช็คเครื่องได้ เช่น โน๊ตบุคที่ซื้อมาใหม่ถูกใช้มานานแล้วหรือยัง....ถ้าเเบบเพิ่งซื้อมาได้วันเดียว เเต่ power on time เป็น ร้อย สองร้อยชั่วโมงเเล้วเเสดงว่าอาจโดนหลอกให้ซื้อตัวโชว์ เป็นต้น




-ในตัวเลือก Error Scan ก็ไว้ใช้เช็คว่าฮาร์ดดิสตัวนี้มี error หรือ bad sector หรือไม่ เช่น ถ้าเครื่องคอมรู้สึกช้ามาก อืดสุดๆ ก็ลองมาเช็คอันนี้ดู ว่ามี damaged สีเเดงขึ้นหรือไม่ ถ้ามีก็เเสดงว่าฮาร์ดดิสมีปัญหาเเล้ว เคลมโล้ด.......

อีกโปรเเกรมคือ CrystalDiskInfo

https://crystalmark.info/en/download/
เราก็ดูที่ health status
เขียว = ดี ใช้ได้ปกติ
เหลือง = มีความผิดปกติ อาจจะใช้ได้ต่อ หรือ อาจจะใช้เเล้วช้ามีปัญหา ต้องดูที่ ID อีกที
เเดง = เตรียมตังค์ซื้อ HDD ใหม่ได้

ID ที่เจอบ่อย อันเเรกก็ตามภาพเลย

ID 05 : Reallocated Sectors Count ถ้าขึ้นเตือนเฉพาะ id นี้อันเดียว ปกติก็พอใช้งานต่อได้อยู่ ความหมายของ id นี้คือ HDD เจอ error ที่  sector นั้น เเล้วทำการย้าย data ไป sector อื่น เเล้วทำการ block ไม่ใช้งาน sector ที่ error นั้น

ID ที่เจอบ่อยอีกคือ 05 กับ 06 ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าขึ้น ID นี้ก็ใกล้เสียเเล้ว คือมันจะเปิดดูข้อมูลได้ เเต่จะช้าาาาาาาามากกกกกก